วันพฤหัสบดีที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2556

"ชายสี่ บะหมี่เกี๊ยว" หลังรถเข็น เส้นทางแฟรนไชส์ จบป.4 สู่เถ้าแก่ 100 ล้าน



      จากวิถีสู้ชีวิตของเด็กบ้านนอกคอกนา ฐานะยากจน แต่เติบใหญ่เป็นนายคนด้วยวัยเพียง 47 ปี และใช้เวลาในการต่อสู้บนเส้นทางสายเส้น จนผงาดขึ้นมาอยู่แถวหน้าของแฟรนไชส์ระดับประเทศ ในเวลาเพียงไม่กี่ปี ภายใต้แบรนด์ "ชายสี่ บะหมี่เกี๊ยว" ชื่อที่เชื่อได้ว่าเมื่อเอ่ยปากร้อยทั้งร้อยเป็นต้องได้รู้จัก

วันนี้ "ชายสี่ บะหมี่เกี๊ยว" มีสาขาทั่วประเทศและต่างประเทศมากกว่า 2,000 สาขา
สร้างเอกลักษณ์บนความแตกต่าง ใฝ่เรียนสร้างโอกาสให้ตนเอง


       ชายร่างเล็ก อัธยาศัยดี มีรอยยิ้มและน้ำเสียงที่พูดคุยเป็นกันเอง เป็นเอกลักษณ์แสดงถึงตัวตนที่แท้จริง ว่า เขาไม่ได้เป็นคนหยิบหย่ง แต่มีความตั้งใจจริงในการทำงานและค้นหาความแตกต่างบนทางที่หลายคนเลือกเดิน เพื่อให้ความแตกต่างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวสำหรับเขา


      " พันธ์รบ กำลา " เป็นชื่อของเจ้าของแบรนด์ที่เอ่ยถึง ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชายสี่ บะหมี่เกี๊ยว จำกัด แฟรนไชส์ "ชายสี่ บะหมี่เกี๊ยว" 

       คุณพันธ์รบเป็นชาวอำเภอปทุมรัตน์ จังหวัดร้อยเอ็ด แดนดินถิ่นอีสาน  ย้อนความหลังในวัยเด็กว่า ที่บ้านมีอาชีพเป็นชาวนา ฐานะก็ยากจน เรียนหนังสือด้วยกระดานชนวน เวลาไปโรงเรียนต้องใช้ปอกล้วยแทนเข็มขัดนักเรียน จนกระทั่งเรียนจบชั้น ป.4 ก็ออกมาช่วยพ่อแม่ทำนา ระหว่างนั้นก็รับจ้างทั่วไป ทั้งเกี่ยวข้าว นวดข้าว ขุดดินไปด้วย    ทั้งยังเล่าประสบการณ์ชีวิตก่อนเป็น ชายสี่ บะหมี่เกี๊ยว ด้วยมุมมองของนักคิดที่เขาเองพยายามสร้างเอกลักษณ์ให้ออกมาในรูปของการปฏิบัติที่ทำได้จริงและเกิดประโยชน์


“วันหนึ่งผมมีโอกาสได้ไปทำงานรับจ้างที่โรงงานตะปู อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ แต่สุดท้ายทำไม่ไหวต้องกลับบ้าน เพราะโรงงานตะปูมีเจ้าของเป็นคนจีน เขากินข้าวต้มกัน แต่เราเป็นคนอีสาน เรากินข้าวเหนียว พอต้องมากินข้าวต้ม มันไม่อยู่ท้อง เราก็ทำงานไม่ไหว ตัดสินใจกลับบ้านที่ร้อยเอ็ด อยู่ได้ 1 เดือน ก็เดินทางไปรับจ้างที่ จ.สระบุรี รับจ้างเก็บฝ้าย กิโลละ 50 สตางค์ มันเป็นงานหนักที่ได้ค่าตอบแทนน้อย คนอื่นทำได้ไม่ถึงเดือนก็ลาออก แต่ผมเคยตั้งปณิธานไว้ว่า ถ้ายังเก็บเงินซื้อกางเกงยีนส์ 2 ตัวไม่ได้ จะไม่ยอมกลับบ้าน”

จากนั้น “พันธ์รบ” ก็ทำงานรับจ้างไปเรื่อย ๆ จนถึงวัยที่ต้องเกณฑ์ทหาร และปลดประจำการในปี 2529 ได้แต่งงานมีครอบครัวและมาอาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ เมื่อถึงฤดูทำนา ก็กลับบ้านที่ร้อยเอ็ดเพื่อทำนา หมดหน้าทำนาก็กลับมาที่กรุงเทพฯ มาขายไอศกรีมอยู่ที่เขตห้วยขวาง จนกระทั่งใน ปี 2535 จึงเริ่มหันมาขายก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นน้ำใส ที่แยกลำลูกกา จ.ปทุมธานี ทำอยู่ 2 ปี ได้กำไรวันละ 3,000 บาท มีเงินเก็บ 700,000 บาท เพราะขยันและตั้งใจทำงานโดยไม่มีวันหยุดจากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ของการเป็นเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวน้ำใส ก่อนจะเปลี่ยนมาขายบะหมี่ตามอย่างน้องชาย เพราะรายได้ดีกว่า ในระยะแรกจะรับเส้นบะหมี่จากน้องชายมาขายก่อน แต่เมื่อผมขายไปได้สักพัก ก็เริ่มรู้สึกว่าคุณภาพของเส้นบะหมี่ไม่คงที่ เลยเกิดไอเดียว่า น่าจะทำเส้นบะหมี่เอง ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจจริง ผมลงทุนซื้อเครื่องทำเส้นบะหมี่เลย เอามาทำเส้นเอง และก็ต่อยอดธุรกิจจนกลายมาเป็นแฟรนไชส์ ชายสี่ หมี่เกี๊ยว ในปัจจุบัน


“ชายสี่ หมี่เกี๊ยว” มีสาขากว่า 2,000 สาขาทั่วประเทศ แต่ “พันธ์รบ”ยังไม่หยุดแค่นั้น เขาต่อยอดจากธุรกิจเดิม โดยเพิ่มไลน์สินค้าใหม่ คือ “พันปี หมี่เป็ดย่าง” ที่มีสาขากว่า 400 สาขาทั่วประเทศ และยังมี “ชายสี่ ซาลาเปา” อีกอย่างหนึ่งด้วย


“ผมมีแนวคิดในการทำงานให้ประสบความสำเร็จอยู่ 2 อย่าง คือเรื่องงานและเรื่องลูกน้อง เรื่องงาน ผมไม่เกี่ยงเรื่องการทำมาหากิน ไม่เลือกงาน และทำมันด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ ส่วนเรื่องลูกน้อง ผมปกครองพวกเขา โดยเน้นสิ่งสำคัญ คืนกำไรสู่สังคม ผ่านกองทุนเพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ภายใต้แนวคิดช่วยคน “จน เก่ง ดี”



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น